วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คัมภีร์ไบเบิ้ลกับการมาของศาสดามูฮัมหมัด

คัมภีร์ไบเบิ้ลกับการมาของศาสดามูฮัมหมัด





อัลลอฮ์ (ตะอาลา) ทรงยืนยันการบอกถึงการมาของท่านศาสดามูฮัมหมัดแก่ศาสดาอีซา โดยตรัสว่า

และจงรำลึก เมื่ออีซา บุตร มัรยัม ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานของอิสราเอลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน โดยยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในโตราห์ที่อยู่ต่อหน้าฉันนี้ และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตท่านหนึ่งที่จะมาภายหลังฉัน ชื่อของเขาคือ อะฮ์หมัดครั้นเมื่อเขา (อะฮ์หมัด) ได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกท่านกล่าวว่านี่คือมายากลอย่างแน่นอน” (อัศศ็อฟ : 6)

และในคัมภีร์โตราห์ภาษาฮิบรูในบทที่ 3 จากพระธรรมฮาบากโก้ก และแผ่นดินได้เติมไปด้วยการกล่าวสรรเสริญอะห์หมัด ต้นคอของประชาชาติต่างๆได้ถูกปกครองด้วยมือขวาของเขา

และในต้นฉบับของโตราห์เดิมที่ถูกตีพิมพ์ในลอนดอนประจำปี 1848 และฉบับที่ถูกตีพิมพ์ในนครเบรุตประจำปี 1884 โดยที่ต้นฉบับเดิมจะถูกพบในพระธรรมของฮาบากโก้กตัวบทที่ชัดเจนว่า แท้จริงฟากฟ้าได้ส่องสว่างเนื่องจากความสว่างไสวของมูฮัมหมัด และแผ่นดินได้เติมไปด้วยการสรรเสริญต่อเขา...

ท่านโมเสสได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าทรงตรัสกับเขาว่า เราจะโปรดให้บังเกิดผู้พยากรณ์อย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย ต่อมาผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งผู้พยากรณ์กล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น” (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18-19)

จากพันธสัญญาเก่าได้บอกถึงบัญญัติใหม่ที่จะมาข้างหน้าว่า จะมาในภาษาใหม่ ซึ่งมิใช่ภาษาของพวกเขา

เปล่า แต่พระองค์จะตรัสกับชนชาตินี้โดยต่างภาษาและด้วยปากของคนต่างด้าว ..” (อิสยาห์ 28:11) 

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า เพลงยอพระเกียรติของพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก ทั้งผู้ที่ไปทะเลและบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น ทั้ง แผ่นดิน ชาวทะเล และชาวถิ่นนั้น , จงให้ถิ่นทุรกันดารและหัวเมืองในนั้นเปล่งเสียง ทั้งชนบทที่เคดาร์ (ชาวอาหรับ) อาศัยอยู่จงให้ชาวเส-ลา ร้องเพลงด้วยความชื่นบาน ให้เขา โห่ร้องมาจากยอดภูเขา” (อิสยาห์ 42:10-11)

แท้จริงภาษาใหม่นั้นก็คือภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ประทานมายังศาสดามูฮัมหมัดผู้มีเชื้อสายอาหรับ แน่นอนว่าอัลกุรอานได้ถูกอ่านจากชนชาติต่างๆเป็นภาษาอาหรับ แม้ว่าชนชาติเหล่าจะไม่ได้พูดภาษาอาหรับก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองที่มีความเจริญหรือท่ามกลางทะเลทราย พวกเขาต่างรู้จากภาษาอาหรับผ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน แท้จริงสัญญาของพระองค์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว

และในคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับภาษาฮิบรูดั้งเดิมใน"เพลงของโซโลม่อน" 5: 16 ได้กล่าวว่า

"Hikko Manittadim Vikkulu Mahamadim Zahyudi Vezeur Raai Benute Yafus Halam"

คำกล่าว(สอน)ของเขาหวาน(ไพเราะ)ที่สุด เขาคือ Mahamad เขาเป็นที่รักของข้า เขาคือเพื่อนของข้า โอ้ลูกหลานเยรูซาเล็ม ข้ารักเขามาก” (ไบเบิ้ล 5:16) 

ชาวยิวยังร้องเพลงสวดนี้จนกระทั่งทุกวันนี้ โดยไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขากำลังร้องอะไรอยู่ 

ทว่าในไบเบิ้ลฉบับภาษาอื่นๆ ได้เปลี่ยนประโยคให้เป็น “He is altogether lovely” ซึ่งคำดั้งเดิมคือ Muhamadim โดยถูกมาแทนที่ด้วย“altogether lovely”

(คัดลอกจากหนังสือ "อิสลามทำไม?" หน้า 181)


ชื่อมุฮัมมัด ในไบเบิ้ลพันธสัญญาเก่า

การปรากฏตัวของนะบีมุฮัมมัด  ได้ถูกระบุอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ ภายในโลก รวมทั้งในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ สิ่งที่ระบุในคัมภีร์ไบเบิ้ล คือ พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ นะบีมูซา(Moses) อะลัยฮิสลามว่า

 "I will raise them up a Prophet from among their brethren , like unto thee , and will put my words in his mouth , and he shall speak unto them all that I shall command him."(Deuteronomy 18:18)

 "ข้าจะให้พยากรณ์บังเกิดขึ้น สำหรับเขาทั้งหลาย จากในท่ามกลางพี่น้องของเขา เหมือนอย่างตัวเจ้า และข้าจะเอาถ้อยคำของข้า ใส่ในปากของเขา

และผู้นั้นจะกล่าวสำแดงแก่เขาทั้งหลาย สิ่งสารพัดที่ข้าจะสั่งแก่ผู้นั้น" (พระบัญญัติ 18:18)

ถ้าราถามชาวคริสต์ว่า ศาสดาผู้นั้นคือผู้ใด พวกเขาจะตอบว่า หมายถึง ศาสดาเยซู (Jesus)หรือศาสดาอีซา อลัยฮิสลาม  สำหรับถ้อยคำที่มีความสำคัญที่ชี้ถึงการเป็นศาสดาคือ " like unto thee "  เหมือนเจ้า หมายความว่า ผู้เป็นศาสดามีคุณลักษณะคล้ายศาสดามูซา (Moses) อลัยฮิสลาม

ชาวคริสต์กล่าวว่า นะบีอีซา มีลักษณะคล้ายกับ นะบีมูซา เพราะว่านะบีมูซาเป็นชาวยิว นะบีอีซา ก็เป็นชาวยิวเช่นกัน ประการที่ 2 นะบีมูซาเป็นศาสดา นะบีอีซาก็เป็นศาสดาเช่นกัน เพราะฉะนั้นนะบีอีซาจึงมีลักษณะคล้ายนะบีมูซา และอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮุว่าตะอาลา ได้บอกกับนะบีมูซาไว้ก่อนแล้ว

ถ้าหากว่าเหตุผลเพียง 2 ประการนี้ คือ สิ่งบ่งชี้ถึงการเป็นศาสดาที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ดังนั้น สรุปประเด็นได้ว่า บรรดาศาสดาทั้งหลายที่มีมาหลังจากนะบีมูซา ยังเป็นลูกหลานชาวอิสรออีล เหมาะสมที่จะเป็นศาสดา เนื่องจากมีลักษณะคล้ายนะบีมูซาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโซโลมอน (Solomon สุไลมาน)อิสยาห์ ยะซายา (Isaiah) เอเสเคียน ยะเอศเคล (Ezekiel) ดาเนียล (Daniel) โฮเชยา โฮเซอา (Hosea) โยเอล (Joel) มาลาชิ (Malachi)ยอห์น โยฮัน (ผู้ล้างบาป) (John the Baptist) เป็นต้น เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นชาวยิว ซึ่งอยู่ในเชื้อสายของการเป็นศาสดา แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากพิเคราะห์ดูความหมาย ของคำว่า การเป็นศาสดาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะทราบทันทีว่า คำว่า"ศาสดา" ที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิ้ล หมายถึง ศาสดาท่านสุดท้าย อันได้แก่ ศาสดามุฮัมมัด  ประเด็นต่อไปนี้คือสิ่งชี้ชัดว่า นะบีมุฮัมมัด  มีลักษณะคล้ายนะบีมูซา อลัยฮิสลาม ส่วนนะบีอีซา นั้นไม่มีลักษณะคล้ายนะบีมูซาแต่อย่างใด กล่าวคือ

1. นะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซา มีบิดาและมารดา แต่นะบีอีซา มีเพียงมารดา ไม่มีบิดา โดยที่ท่านเกิดมาด้วยเดชานุภาพของอัลลอฮ์  โดยที่ไม่มีชายใดร่วมกับมารดาของท่าน (นางมัรยัม) แต่อย่างใด

2. ทั้งนะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซา ได้แต่งงานมีภรรยา แต่นะบีอีซามิได้แต่งงาน ไม่มีภรรยาและไม่มีบุตร

3. ทั้งนะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซา ตายตามธรรมชาติ แต่นะบีอีซานั้น อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่าตะอาลา ทรงนำท่านไปยังพระองค์โดยมีชีวิต

4. ทั้งนะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซา นอกจากจะเป็นศาสดาแล้วยังมีอำนาจคอยมองอณาจักร นะบีอีซามิได้มีอำนาจคอยมองอณาจักรแต่อย่างใด

5. ทั้งนะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซา ได้รับการยอมรับจากหมู่ชนของท่านในฐานะศาสดา ขณะที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ แต่นะบีอีซานั้นหมู่คณะของท่านส่วนมากไม่ยอมรับท่าน

6.ทั้งนะบีมุฮัมมัด และนะบีมูซาได้รับบัญญัติมา เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่ประชาชาติในยุคนั้น ส่วนนะบีอีซาปฏิบัติตามบัญญัติของนะบีมูซาในคัมภีร์ไบเบิ้ล มัดทิว บทที่ 5 ข้อที่ 17 ว่า

"อย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างบัญญัติ ในคัมภีร์เดิม หรือลบล้างถ้อยคำของประกาศศาสดาพยากรณ์

หากเรามาเพื่อให้บทบัญญัติ และคำพยากรณ์เหล่านั้นสมบูรณ์ เกิดผลสมจริงทุกประการ"

ในที่นี้จึงสรุปได้ว่า นะบีอีซา อลัยฮิสลาม ไม่มีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับนะบีมูซา อลัยฮิสลาม เราลองอ่านคำบอกเล่านี้อีกครั้งว่า

"เราจะให้ผู้พยากรณ์บังเกิดสำหรับเขาทั้งหลาย ท่ามกลางพี่น้องของเขาเหมือนอย่างตัวเจ้า"

เรามาพิจารณาดูว่าผู้ใด คือ พี่น้องของชาวยิว ?

นะบีอิบรอฮีมมีบุตร 2 คน คือ นะบีอิสมาอีล และนะบีอิสหาก ชาวอาหรับสืบเชื้อสายมาจากนะบีอิสมาอีล ชาวยิวสืบเชื้อสายมาจากนะบีอิสหาก ดังนั้น ทั้งชาวอาหรับและชาวยิวต่างเป็นพี่น้องกัน   นะบีมุฮัมมัด  ปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางบรรดาพี่น้องเหล่านั้น เพราะท่านสืบเชื้อสายมาจากนะบีอิสมาอีล บุตรของนะบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม

คัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวต่อไปว่า

"และข้าจะใส่ถ้อยคำของข้าในปากเขา"

นบีมุฮัมมัด เป็นผู้ที่อ่านไม่เป็น เขียนไม่เป็น ดังนั้นเมื่อมีวะฮีย์มาจากอัลลอฮ์ ท่านจะรีบท่องจำซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกับว่า ถ้อยคำนั้นถูกนำมาใส่ไว้ในปากของท่าน ยิ่งไปกว่านั้น ตัวบทยังได้สำทับอย่างรุนแรง โดยที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ว่า

" And it shall come to pass that whosoever will not hearken unto my words which he shall speak in my name I will require it of him " (In the Catholic Bible te words are I will take renenze). (Deuteronry 18:19)

"และผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่นับถ้อยคำของข้า ซึ่งศาสดาพยากรณ์ จะกล่าวในนามของข้า ข้าจะถือโทษผู้นั้น"

ตามนัยนี้หมายความว่า ถ้าผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังคำพูดของศาสดาผู้นี้ โดยที่เขากล่าวในนามของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พระองค์จะลงโทษผู้นั้น ซึ่งไม่มีศาสดาคนใดที่ระบุอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล นอกจากจะต้องปฏิบัติตามคำสำทับของพระผู้เป็นเจ้า

คำแปลใช้ตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ฉบับ พิมพ์ปี ค.ศ.1992 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความแตกต่างกับคำแปลฉบับปี ค.ศ.1971 และคำว่า "Prophet" ในคัมภีร์แปลว่า ผู้พยากรณ์ ผู้เผยวจนะ ดังคำแปล ฉบับ ค.ศ.1971 มีว่า "เราจะโปรดให้บังเกิด ผู้เผยวจนะอย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาไว้แก่ประชาชนทั้งหลาย"

http://www.ansorimas200.blogspot.com/2013/07/blog-post_80.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น