วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อิสลามในยุโรป ความจริงกับการท้าทาย

อิสลามในยุโรป ความจริงกับการท้าทาย

ตอริก รอมฏอน

 กว่ายี่สิบปีที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เกิดขึ้นท่ามกลางเยาวชนคนรุ่นใหม่ของมุสลิมที่อาศัยอยู่ในยุโรป เมื่อกว่าห้าสิบปีที่แล้วมุสลิมส่วนมากเป็นผู้อพยพเพื่อแสวงหาโอกาสในการทำงาน จากนั้นจึงวางแผนกลับบ้านหากสามารถทำได้ ส่วนใหญ่ของผู้อพยพรุ่นแรกมาจากครอบครัวสามัญชน พวกเขาไม่ได้จัดการการศึกษาหาความรู้ในเรื่องอิสลามมากนัก แต่พวกเขายังคงปฏิบัติศาสนกิจซึ่งได้รับการเน้นย้ำจากวัฒนธรรมเดิมของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย-ปากีสถาน อาหรับแอฟริการเหนือ และชาวเติร์ก
  
จากการคาดว่าจะอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว ในช่วงแรกพ่อแม่พยายามปกป้องตัวเองจากบรรยากาศของความเป็นยุโรปที่ไม่คุ้นเคยมากกว่าการบูรณาการวิถีชีวิตเข้ากับพวกเขา แต่ส่วนใหญ่ของผู้อพยพไม่ได้กลับบ้านเดิมของพวกเขา ลูกๆของพวกเขาถือกำเนิดในยุโรป มีความชำนาญในภาษาประจำชาติและมีการศึกษาที่ดีกว่าคนรุ่นแรก ความฝันที่จะกลับบ้านเหมือนพ่อแม่ได้เลือนหายไป การปรากฏมุสลิมยุโรปรุ่นใหม่ทำเกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีพูดคุยเกี่ยวกับชุมชนมุสลิมที่อาศัยในดินแดนแห่งนี้
  
ปัจจุบันได้การปฏิวัติเงียบเกิดขึ้น แนวคิดเดิมๆที่แบ่งโลกออกเป็นออกเป็นสองค่ายคือมุสลิมกับผู้มิใช่มุสลิมเป็นสิ่งที่ล้าหลังและจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ รัฐธรรมนูญของยุโรปอนุญาตให้มุสลิมปฏิบัติศาสนาของพวกเขา และเป็นสิ่งที่ควรจะได้ให้เกียรติกัน หลักการศาสนาไม่ควรที่จะถูกทำให้เกิดความสับสนกับวัฒนธรรมดั้งเดิม มุสลิมยุโรปควรจะเป็นเพียงมุสลิมมากกว่าการเป็นอาหรับแอฟริกาเหนือ ปากีหรือเติร์ก ความเป็นพลเมืองจะต้องได้รับการส่งเสริมและจำเป็นจะต้องมีการสร้างวัฒนธรรมอิสลามยุโรป แต่คำถามคือจะทำในรูปแบบใด เพื่อให้หลักการอิสลามยังคงดำรงอยู่ขณะเดียวกันรับเอารูปแบบและรสนิยมแบบยุโรป

ทรรศนคติมักเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรอิสลามต่างๆในพื้นฐาน ได้สร้างสะพานเชื่อมและเร่งเร้าพลเมืองมุสลิมให้มีปากเสียง ท่วงทำนองใหม่ได้รับการรับฟัง แม้ว่าความพยายามและความกระตือรือร้นนี้จะเห็นได้เป็นการเฉพาะในประเทศที่มีมุสลิมเก่าแก่อาศัยอยู่ ปรากฏการณ์นี้ยังสามารถพบเห็นได้ในทุกแห่ง แต่การท้าทายหลายอย่างยังคงดำรงอยู่และวันที่มุสลิมกับพลเรือนของพวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกันยังคงห่างไกล กำแพงอุปสรรคยังคงปรากฏอยู่ในชุมชนมุสลิมซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการฟื้นฟู

                                 

มุสลิมจำนวนมากต้องประสบกับเรื่องราวที่ผสมปนเป ปัญหาบางด้านไม่ว่าจะเป็นการดูถูกดูแคลนทั้งเรื่องราวที่บ้านและที่ทำงานไม่ควรถูกมองว่าเป็นการ คุกคามอิสลามเพียงประการเดียว  แต่เป็นผลพวงจากนโยบายทางสังคมที่เราจะต้องรับมือด้วยตนเองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในฐานะที่เป็นพลเมืองที่เรียกร้องสิทธิแห่งความเท่าเทียมกัน เราจะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อแห่งความคิด  รวมทั้งข้ออ้างที่ว่าโรคเกลียดกลัวอิสลามได้ขัดขวางพวกเราจากการเบ่งบาน สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับมุสลิมที่จะแบกรับหน้าที่หักล้างข้อกล่าวหา เข้าร่วมการเสวนาทั้งในชุมชนมุสลิมด้วยกันเองและพลเรือนอื่นๆ และปฏิเสธคิดโง่ที่แบ่ง เรา กับ พวกเขา

เราควรที่จะส่งเสริมค่านิยมพื้นฐานอันได้แก่ ความเท่าเทียม ความยุติธรรมและการให้เกียรติกันภายใต้ จริยธรรมแห่งการเป็นพลเมืองร่วมกัน เราจะต้องออกห่างจากการถูกล่อลวงด้วยการปิดตัวเองและโดดเดี่ยวตัวเองเป็นคนกลุ่มน้อย และยิ่งกว่านั้นเราควรเสนอแก่กลุ่มที่แนวคิดสุดโต่งว่า การเป็นมุสลิมที่เข้มข้นหมายถึงการต่อต้านยุโรปกระนั้นหรือ เราซึ่งเป็นมุสลิมแห่งยุโรปจำเป็นที่จะต้องกล้าวิพากวิจารณ์ตัวเอง

อย่างไรก็ตามพลเมืองที่มิใช่มุสลิมจำเป็นที่จะต้องมีความพยายามและให้ความร่วมมือด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาจำเป็นจะต้องยอมรับความจริงที่ว่าประชากรของยุโรปได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประวัติศาสตร์จะไม่เป็นประวัติศาสตร์เดียวอีกต่อไป และการเรียกร้องของวันข้างหน้าในความเข้าใจและการให้เกียรติระหว่างกัน พวกเขาต้องกล้าที่จะยอมรับความไม่รู้ และกล้าปฏิเสธอาการย้ำคิดย้ำทำตลอดจนอคติที่ห้อมล้อมอิสลาม พวกเขาจะต้องถกเถียงในประเด็นหลักการพื้นฐาน ค่านิยมและระเบียบแบบแผนที่จะทำให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกัน


การปรากฏของมุสลิมใหม่ได้ก่อให้เกิดชุดคำถามแก่พลเรือนของยุโรปอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พวกท่านเตรียมพร้อมในการศึกษาประวัติศาสตร์ของอารยธรรมที่ปรากฏในชีวิตของพวกท่าน และถือเป็นส่วนหนึ่งของพหุสังคมแล้วหรือไม่? ท่านเชื่อด้วยความจริงใจหรือไม่ว่า มุสลิมด้วยจิตวิญญาณ จริยธรรมและการสร้างสรรของพวกเขาเป็นลักษณะด้านบวกที่จะสร้างสิ่งใหม่?
    
อนาคตของยุโรปที่มีมุสลิมเบ่งบานและการเปิดอัตลักษณ์ของความเป็นยุโรปจะเกิดขึ้นจากผู้คนทั้งหมดที่ยอมรับการท้าทายครั้งนี้ ซึ่งจะต้องวางรากฐานอยู่บนการวิพากษ์วิจารณ์ตนเองรวมทั้งการสานเสวนา ยอมรับในความหลากหลาย และเน้นย้ำในค่านิยมพื้นฐานร่วมกัน    เส้นทางนี้เริ่มต้นจากการบูรณาการขั้นพื้นฐานไปสู่ความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้น โดยจำเป็นจะต้องใช้เวลา และเหนืออื่นใด เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันหลัง   โดยเฉพาะหลัง 11 กันยา ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นความท้าทายสำคัญที่เรากำลังเผชิญ 
                                         


http://www.ansorimas200.blogspot.com/2013/07/blog-post_3926.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น