วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โรงพยาบาลอิสลามในอดีต

โรงพยาบาลอิสลามในอดีต



๑.โรงพยาบาลอะฎอดีในเมืองแบกแดด
โรงพยาบาลแห่งนี้สร้างโดยอะฎอด อัลเดาละฮฺ อิบนุ บะวัยฮฺ ในปีฮ.ศ.ที่ ๓๗๑ หลังจากอัรรอซี นายแพทย์ผุ้มีชื่อเสียงได้เลือกทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลด้วยการนำเนื้อ ๔ ชิ้นไปวางตามจุดต่างๆของเมืองแบกแดดในเวลากลางคืน และท่านได้เลือกชิ้นเนื้อที่มีกลิ่นดีที่สุดเพื่อตัดสินใจเลือกสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลต่อไป และต่อมาโรงพยาบาลได้ถูกสร้างตรงบริเวณของเนื้อชิ้นนั้นและมีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างครั้งนั้น  แพทย์ ๒๔ ท่านถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในโรงพยาบาลนี้ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งจำเป็นต่างๆ เช่น ห้องสมุดทางด้านวิทยาศาสตร์  เภสัชกรรม(ห้องผลิตยา) ห้องครัวและห้องเสบียง  ในปี ฮ.ศ.ที่ ๔๔๙ คอลีฟะฮฺอัลกออิมบิอัมรุลลอฮฺได้ปรับปรุงโรงพยาบาลแห่งนี้ใหม่และได้รวบรวมวัคซีนและยาที่หายากต่างๆเข้ามาไว้ในโรงพยาบาล เขาได้จัดเตรียมเตียงนอนและผ้าห่ม รวมทั้ง ยาหอม หมอน คนคอยดูแล แพทย์และพนักงานทำความสะอาดไว้สำหรับผู้ป่วย ในโรงพยาบาลมีคนเฝ้าประตูและห้องน้ำ ถัดจากตัวโรงพยาบาลจะเป็นสวนที่มีผลไม่และพืชผักทุกชนิด และเรือในทะเลสาบไว้สำหรับรับส่งคนยากจนและขัดสน แพทย์จะทำงานเป็น ๒ ช่วง คือผลัดเช้าและเย็น และแพทย์บางคนจะต้องอยู่ค้างคืนกับผู้ป่วย(ผลัดดึก)


๒.โรงพยาบาลนูรีในเมืองดามัสกัส
โรงพยาบาลแห่งนี้สร้างโดยผู้ปกครองและกษัตริย์ผู้ทรงความยุติธรรม คือ นูรุดดีน อัชชะฮีดในปี ฮ.ศ.ที่ ๕๔๙ หรือ ค.ศ.๑๑๕๔  ใช้เงินที่ได้รับจากค่าไถ่ตัวเชลยของกษัตริย์แฟรงกิช เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆ โรงพยาบาลนี้ได้ชื่อว่าเป็นโรงพยาบาลที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมาก่อนทั่วโลก ท่านคอลีฟะฮฺได้กำหนดเงื่อนไขว่า โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นดรงพยาบาลสำหรับคนยากจนและขัดสน แต่ถ้าคนร่ำรวยคนใดต้องการเวชภัณทืจากโรงพยาบาลแห่งนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจากท่านเท่านั้น  และเวชภัณท์ทุกชนิดมีบริการฟรีสำหรับทุกคนที่ต้องการ

นักเดินทางชื่อ อิบนุ ญุบัยรฺเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในปี ฮ.ศ. ๕๘๐ เขาได้อธิบายถึงการดูแลผู้ป่วย การตรวจรักษาของแพทย์ที่นี่ ตลอดจนการจัดเตรียมยาและอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วย มีแผนกพิเศษสำหรับผู้ป่วยทางจิต สถานที่ที่คนวิกลจริตถูกล่ามด้วยโซ่ในขณะที่พวกเขากำลังรับการรักษาและให้อาหาร สิ่งหนึ่งที่นักประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึงว่า ในปีฮ.ศ. ๘๓๑ คนที่ไม่ใช่มุสลิมคนหนึ่ง(ผู้มีลักษณะภูมิฐานและรสนิยมชั้นสูง)มาท่องเที่ยวเมืองดามัสกัสและเมื่อเขาเข้าไปยังโรงพยาบาลนูรีและเห็นแพทย์จำนวนมากและเห็นการรักษาผู้ป่วยอย่างดีและอาหารที่ดีและสิ่งที่ดีต่างๆมากมายในโรงพยาบาล เขาจึงต้องการทดสอบความรู้ของแพทย์ ดังนั้น เขาจึงแกล้งทำเป็นป่วย และนอนพักในโรงพยาบาลเป็นเวลา ๓ วัน หัวหน้าแพทย์มาตรวจร่างกายเขาหลายครั้ง และเมื่อแพทย์ตรวจชีพจรของเขาจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ป่วยแลเขาเพียงแค่ต้องการทดสอบความรู้ของแพทย์เท่านั้น ดังนั้น หัวหน้าแพทย์จึงสั่งอาหารดีๆให้กับเขา ไก่ตัวโตๆ ของหวานต่างๆ เครื่องดื่มและผลไม้ทุกชนิด หลังจากนั้น ๓ วัน หัวหน้าแพทย์ได้เขียนข้อความถึงเขาว่าสำหรับเรา การเลี้ยงดูแขกอย่างน้อยเป็นเวลา ๓ วัน... จากข้อความนี้ นักท่องเที่ยวคนนั้นรู้ว่า พวกแพทย์ทราบถึงสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่และการปฏิบัติของโรงพยาบาลที่มีต่อเขาตลอดเวลาที่เขาอยู่ในโรงพยาบาลก็คือการต้อนรับแขกนั่นเอง
โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดให้บริการเช่นนี้จนถึงปีฮ.ศ.ที่ ๑๓๑๗ เมื่อโรงพยาบาลอัลฆุรอบาอฺถูกสร้างขึ้น ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลแห่งนี้อย่ภายใต้การดูแของวิยลัยแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยซีเรีย ดังนั้น โรงพยาบาลนูรีจึงถูกปิดลงและตึกของโรงพยาบาลถูกเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเอกชน


๓.โรงพยาบาลมันซูรี
หรือที่รู้จักกันว่า โรงพยาบาลกอลาวูน” โรงพยาบาลแห่งนี้เคยเป็นบ้านของผู้ปกครองท่านหนึ่งซึ่งกษัตริย์อัลมันซูร ซัยฟุดดีน กอลาวูนดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสาธารณะในปีฮ.ศ.ที่ ๖๘๓ หรือ ค.ศ. ๑๒๘๔ กองทุนวะกอฟถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนด้านการเงินจำนวน ๑ พันดิรฮัมต่อปี และติดกับโรงพยาบาลจะเป็นมัสยิด โรงเรียนและห้องสมุดสำหรับเด็กกำพร้า เหตุผลของการสร้างโรงพยาบาลแห่งนี้มาจากเหตุการณ์หนึ่งในขณะที่กษัตริย์อัลมันซูร กอลาวูนกำลังนำทัพเผชิญหน้ากับโรมัน ในช่วงสงครามอัซซอฮิร บัยบัรซฺในปี ค.ศ.๑๒๗๕ ท่านมีอาการเจ็บป่วยในขณะที่อยู่ในเมืองดามัสกัส แพทย์ได้ดูแลรักษาท่านด้วยยาที่นำมาจากโรงพยาบาลนูรีและท่านอาการของหายก็เป็นปกติ ต่อมาท่านได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลด้วยตนเอง ท่านประทับใจมาก ดังนั้น ท่านจึงสาบานต่ออัลลอฮฺว่าถ้าท่านดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์ ท่านจะสร้างโรงพยาบาลเช่นนี้ด้วย ดังนั้น เมื่อท่านดำรงตำแหน่งเป็นซุลฏอน ท่านซื้อบ้านหลังนี้และดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลและระบบและการจัดการของโรงพยาบาลเป็นสิ่งแปลกที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในโลก ท่านอนุญาตให้ประชาชนทุกคนเข้ารับการรักษาและใช้บริการจากโรงพยาบาล ทั้งผู้ชายและผู้หญิง อิสระชนและทาส กษัตริย์และประชาชนทั่วไป  เมื่อผู้ป่วยหายเป็นปกติและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ พวกเขาจะได้รับชุดใหม่  และใครเสียชีวิตจะมีจัดเตรียมกุบูร การห่อศพและฝังให้ แพทย์จะถูกแต่งตั้งให้ทำงานในสาขาต่างๆ และพนักงานทำความสะอาดและบริกรถูกจ้างมาเพื่อบริการผู้ป่วย ดูแลและทำความสะอาดผู้ป่วย เช่น ซักเสื้อผ้าและช่วยผู้ป่วยชำระล้างร่างกาย เป็นต้น ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีคนคอยบริการ ๒ คนและผู้ป่วยแต่ละคนจะมีเตียงนอนพร้อมเครื่องนอนทุกอย่าง ผู้ป่วยจะถูกแยกเป็นแผนกต่างๆและแต่ละแผนกจะมีพื้นที่สำหรับหัวหน้าแพทย์เพื่อบรรยายให้ความรู้แก่นักเรียนแพทย์ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกอย่างหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งนี้คือการรับบริการไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ป่วยที่ถูกนำเข้าและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น  เพราะว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วยก็สามารถขอยาบำรุง อาหารและเวชภัณท์ต่างๆที่เขาต้องการได้ การบริการอย่างมีมนุษยธรรมของโรงพยาบาลแห่งนี้คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากซึ่งจักษุแพทย์ท่านหนึ่งของโรงพยาบาลกล่าวว่า ในแต่ละวันเขาให้การรักษาผู้ป่วยจำนวน ๔ พันคน รวมทั้งผู้ป่วยใน ผู้ที่กำลังหายดีและผู้ที่เพิ่งมีอาการ  และไม่มีผู้ป่วยคนใดที่หายดีแล้วจะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลจนกว่าเขาจะได้รับเสื้อผ้าชุดใหม่และเงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเพื่อเขาจะได้ไม่ถูกบีบบังคับให้ทำงานหนักทันทีหลังจากหายป่วย
สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งนี้คือ สิ่งที่ถูกระบุในสัญญาวะกอฟว่า ผู้ป่วยจะต้องได้รับบริการอาหารด้วยภาชนะที่ไม่เคยถูกใช้โดยผู้ป่วยคนอื่นมาก่อน ฉะนั้น มันจึงถูกห่อหุ้มอย่างดีก่อนนำมาให้ผู้ป่วย

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของโรงพยาบาลคือ ผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนไม่หลับ เขาสามารถไปยังห้องเฉพาะที่พวกเขาสามารถผ่อนคลายด้วยการฟังเสียงที่ไพเราะหรือฟังนิทานหรือเรื่องเล่าที่ถูกเล่าโดยนักเล่าเรื่อง สำหรับคนที่กำลังหายเป็นปกติ การละเล่นที่น่าเพลิดเพลินหรือการแสดงของชนพื้นเมืองต่างๆจะถูกจัดไว้ให้พวกเขา  มุอัซซินประจำมัสยิดที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลจะอะซานก่อนเวลาละหมาดฟาญัร(ซุบฮฺ) ๒ ชั่วโมง และมีการร้องอะนาชีดด้วยน้ำเสียงอันไพเราะเพื่อช่วยลดอาการปวดของผู้ที่นอนไม่หลับ

การปฏิบัติเช่นนี้ดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคสมัยแห่งการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.๑๗๙๘  นักวิชาการชาวฝรั่งเศสเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาของพวกเขาเองและได้บันทึกสิ่งที่พวกเขาได้เห็นเอาไว้ สิ่งนี้คือการรักษาที่โลกตะวันตกเพิ่งถูกค้นพบเมื่อเร็วๆนี้เอง
สิ่งนี้ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันเคยอ่านเกี่ยวกับเมืองตริโปลี ที่มีกองทุนวะกอฟที่แปลกประหลาดถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อจ้างคน ๒ คนให้เดินไปตามโรงพยาบาลทุกวันและคุยกันพอให้ผู้ป่วยได้ยิน ด้วยการพูดถึงอาการที่ดีขึ้นและความมีชีวิตชีวามากขึ้นของผู้ป่วย และอื่นๆ
เราคิดว่าคงจะเป็นการดีที่จะกล่าวถึงคำสั่งเสียต่างๆของกองทุนวะกอฟที่ถูกก่อตั้งเพื่อโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่ถูกอ้างอิงโดยผู้เขียนหนังสือ ตารีค อัลบิมาริตานัต ฟิลอิสลาม(ประวัติของโรงพยาบาลในอิสลาม)
   
รางวัลที่ดีที่สุดที่ท่านจะได้รับนั้นมาจากการปฏิบัติงานที่หนักและยากลำบาก ซึ่งงานเช่นนี้จะมีผลตอบแทนมหาศาล  นี่คือสิ่งที่ทุกคนควรกระทำให้มากที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดซึ่งทุกคนสามารถมุ่งมั่นไปสู่มันคือสิ่งที่จะนำผลประโยชน์และความพึงพอใจมาให้แก่เขามากที่สุด ทั้งให้ประโยชน์แก่คนรุ่นแรกและขยายต่อไปเรื่อยๆหลังจากนั้น  สิ่งนั้นคือการวะกอฟ คือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคนและรางวัลการตอบแทนจะได้รับอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนของการวะกอฟยิ่งใหญ่มาก เพราะเป็นการตอบแทนด้วยสวรรค์และเป็นการนำผู้วะกอฟให้ใกล้ชิดกับความพึงพอใจของผู้ที่ทรงเมตตายิ่ง  การบริจาคเช่นนี้คือสินสมรสของอัลฮูรุลอัยนฺและการใช้จ่ายเช่นนี้นำมาซึ่งขุมทรัพย์แห่งการตอบแทนอันยิ่งใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า สิ่งนี้ทำให้ผู้ป่วยและคนยากจนมีความสุขอย่างมาก และมันนำความสุขมาสู่หัวใจที่แตกสลาย มันทำให้พวกเขาประหยัดรายได้ของตนเองด้วยการให้ที่พักและการรักษาแก่พวกเขา การตอบแทน(จากอัลลอฮฺ)สำหรับการวะกอฟนี้ไม่สามารถคำนวณได้  ดังนั้น จงแจ้งข่าวดีแก่ผู้ที่ทำการค้ากับพระเจ้าของเขา ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ที่เฝ้ามองเขาตลอดเวลาและทรงรู้ความลับและความคิดที่อยู่คนในใจของเขา เพราะเขาให้การยืมที่ดีแก่พระองค์ ด้วยทรัพย์สินและความสามารถที่เขามี ด้วยการได้รับการตอบแทนเช่นนี้ ทำให้เขาคือคนหนึ่งในบรรดาผู้ประสบความสำเร็จ เพราะเขาช่วยเหลือมุสลิมที่ยากจนด้วยการบรรเทาความเจ็บปวดของเขาและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของเขาและการช่วยเหลือของเขาจะช่วยปกป้องเขาจากการลงโทษจากพระเจ้าของเขาในวันกิยามะฮฺ  ความหวังคือว่ามันจะช่วยทำให้เขามีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าอัลลอฮฺและจะนำเขาให้ใกล้ชิดกับพระองค์เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องกลัวการอธรรมใดๆและการสูญเสีย(รางวัลของเขา)(อัลกุรอาน ๒๐:๑๑๒)และสิ่งนั้นจะเป็นความดีสำหรับเขาซึ่งจะลบล้างความผิดให้แก่เขา เมื่อผู้ปกครองของเราคือซุลฏอนอัลมันซูร ผู้ทรงความรู้และผู้ยุติธรรม ทราบเรื่องนี้ ท่านได้ออกคำสั่งให้ก่อตั้งกองทุนวะกอฟสำหรับโรงพยาบาลมันซูรีทันที(ที่คือข้อตกลงของกองทุนวะกอฟได้ให้คำอธิบายและบอกตำแหน่งที่ตั้งของโรงพยาบาล และทรัพยากรอื่นๆของโรงพยาบาล) มันถูกตั้งขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยมุสลิม ทั้ผู้ชายและผู้หญิง คนร่ำรวยและคนยากจน ในไคโรและชานเมือง ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่นและผู้ที่มาจากภูมิภาคและจังหวัดต่างๆของอียิปต์ทุกคนและทุกชนิดของการเจ็บป่วย ไม่ว่าเป็นหนักหรือเบา ง่ายหรือยาก หรือโรคที่เกี่ยวกับสมรรถภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในหรือภายนอก การผิดปกติทางด้านจิตใจ เพราะการป้องกันรักษาคือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ต้องการโดยการใช้ยาที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  ประชาชนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีทั้งเป็นกลุ่มหรือตามลำพัง ผู้สูงอายุและคนหนุ่มสาว  ผู้ใหญ่และเด็ก ผู้หญิงและเด็กทารก และผู้ป่วยที่ยากจนไม่ว่าผู้หญิงหรือชายก็ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน พวกเขาสามารถเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพวกเขาหายเป็นปกติ พวกเขาได้รับการรักษาเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือคนที่มาจากต่างท้องถิ่น  คนที่แข็งแรงหรือคนที่อ่อนแอ  กรรมกรหรือผู้ดีมีตระกูล คนสำคัญหรือคนทั่วไป คนร่ำรวยหรือคนยากจน ประชาชนทั่วไปหรือผู้ปกครอง คนตาบอดหรือคนตาดี  ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชา ผู้มีชื่อเสียงหรือคนธรรมดาสามัญ คนชั้นสูงหรือคนรากหญ้า คนที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราหรือคนที่อยู่อย่างสมถะ เจ้านายหรือคนรับใช้ ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนไม่ต้องเสียค่าบริการแต่อย่างใด เพราะทุกสิ่งคือการบริจาคให้อย่างบริสุทธิใจเพื่ออัลลอฮฺและด้วยการหวังการตอบแทนและความเมตตาจากพระองค์โดยการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้ที่ดูแลผู้ป่วย เช่น แพทย์ จุกษุแพทย์ ศัลยแพทย์ เภสัชกรและโภชนากร  คนที่ผลิตยาขี้ผึ้ง(ยาที่เป็นครีม)  ยาหยอดตา  ยาเม็ดและยาระบาย  ทั้งยาแผนโบราณและแผนปัจจุบัน และผู้ที่ดูแลสถานที่ พนักงานทำความสะอาด ผู้ดูแลคลังพัสดุ เลขานุการ  คนงานและเจ้าหน้าที่อื่นที่ทำงานในโรงพยาบาลและทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงผู้ป่วย เครื่องดื่ม ยาหยอดตา ยาเหน็บช่องคลอดหรือทวารหนัก ขี้ผึ้ง ครีม ยาน้ำ ยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน เฟอร์นิเจอร์ หม้อและเครื่องมือต่างๆสำหรับผู้ป่วย
   
ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรายได้ที่เป็นผลกำไรจากกองทุนวะกอฟแห่งนี้ เป็นผู้ซื้อทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยทุกวัน เช่น สมุนไพร ภาชนะดินเผาสำหรับใส่อาหารของผู้ป่วย ถ้วยแก้วและภาชนะสำหรับใส่ยาน้ำ น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร น้ำจากแม่น้ำไนล์อันจำเริญเพื่อใช้สำหรับดื่มและปรุงอาหารให้ผู้ป่วย และอื่นๆ และต้องห่อหุ้มอาหารทุกครั้งก่อนนำไปให้ผู้ป่วย  นอกจากนี้ รายได้สามารถใช้ซื้อพัดลมเพื่อใช้ในยามที่อากาศร้อน  ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนวะกอฟนี้จะใช้เงินจากผลกำไรของกองทุนวะกอฟ ซื้อสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างเพียงพอกับความต้องการแต่ไม่ฟุ่มเฟือย  และไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น  ทุกสิ่งจะต้องดำเนินการตามความต้องการของผู้บริจาคเพื่อแสวงหาการตอบแทนจากอัลลอฮฺ  ผู้ที่รับผิดชอบดูแลกองทุนวะกอฟนี้ควรจะจ้างมุสลิมชาย ๒ คนที่เป็นยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นคนดีและไว้วางใจได้  คนหนึ่งทำหน้าที่ประจำห้องพัสดุที่จะแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วย ดังนั้น เขาจะมีหน้าที่แจกจ่ายยาน้ำ ยาหยอดตา ยาสมุนไพร ยาขี้ผึ้งและครีมโดยรับคำสั่งการจ่ายจากแพทย์  สำหรับอีกคนหนึ่ง จะได้รับยาน้ำซึ่งถูกสั่งให้ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เขาจะเป็นผู้นำยาไปให้ผู้ป่วยทั้งกลางวันและกลางคืน และให้บริการผู้ป่วยแต่ละคนตามที่แพทย์สั่ง  อาหารจะต้องปรุงในโรงพยาบาล โดยมีไก่ เนื้อและอื่นๆ ผู้ป่วยแต่ละคนจะได้รับภาชนะใส่อาหารเป็นของตนเองโดยไม่ใช้ร่วมกันกับผู้อื่น และห่อหุ้มทุกครั้งก่อนนำไปให้ผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ แต่ละคนก็จะได้รับยาหรือสิ่งที่แพทย์สั่งได้สั่งไว้ ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น

ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรายได้ของกองทุนวะกอฟเป็นผู้จ่ายเงินให้แก่ผู้ที่เขามอบหมายให้ทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่น แพทย์ทั่วไป จักษุแพทย์และศัลยแพทย์ เป็นต้น ตามจำนวนเวลาที่พวกเขาทำงาน เขา(ผู้ดูแลกองทุน)คือผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆและจ่ายสำหรับสิ่งเหล่านั้นโดยต้องไม่ตระหนี่และฟุ่มเฟือย แพทย์ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ทั่วไปและคนไข้ที่มีอาการทางจิต ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ผู้ที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยการทำงานร่วมกันทั้งหมดหรือการทำงานเป็นช่วงเวลาตามที่ตกลงกันระหว่างพวกเขากันเองหรือด้วยการเห็นชอบของผู้ดูแลรับผิดชอบกองทุนวะกอฟ แพทย์จะต้องถามอาการผู้ป่วยและบอกผู้ป่วยว่าอาการดีขึ้นไม่ว่าผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นจริงๆหรือแย่ลงก็ตาม และแพทย์ต้องสั่งจ่ายทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็ตาม เพื่อว่าผู้ป่วยจะได้มีอาการดีขึ้น แพทย์จะต้องอยู่ประจำโรงพยาบาลในเวลากลางคืนด้วย ถ้าไม่ทั้งหมดก็บางส่วนสลับกัน  จักษุแพทย์จะต้องปฏิบัติหน้าที่ทุกเช้าเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคตาและแพทย์ต้องรักษาทุกคนที่มาหาเพื่อว่าจะได้ไม่มีผู้ป่วยโรคตาคนใดไม่ได้รับการรักษา แพทย์จะต้องเป็นผู้ที่อ่อนโยนอย่างมากในการรักษาผู้ป่วยของเขา  ถ้ามีผู้ป่วยคนใดมีน้ำหนองในตาหรืออาการอื่นๆที่จำเป็นต้องปรึกษา……………………………………………………………………………………

ผู้ดูแลกองทุนวะกอฟเป็นดูแลค่าใช้จ่ายของผู้ที่เขาได้แต่งตั้งขึ้นในให้เป็นนักวิชาการเพื่อศึกษาวิจัยในทุกด้านของวิทยาการทางการแพทย์(แต่งตั้งนักวิจัยและดูแลเรื่องงบประมาณและเงินเดือนของเขา) เชคหรือนักวิชาการคนนี้จะทำงานในห้องใหญ่ที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกองทุนวะกอฟ เพื่อศึกษาวิจัยในเรื่องต่างๆทางการแพทย์ตามระยะเวลาที่ผู้ดูแลกองทุนวะกอฟเห็นว่าเหมาะสม เพื่อว่าจำนวนแพทย์ในโรงพยาบาลจะได้ไม่มีจำนวนมากจนเกินความจำเป็น ผู้ดูแลทรัพย์สินของกองทุนวะกอฟแห่งนี้เป็นผู้จ้างพนักงานทำความสะอาด ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อทำงานในโรงพยาบาล และจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พวกเขาตามเห็นสมควร ตามลักษณะงานที่เขาต้องทำ เช่น บริการผู้ป่วยปกติและผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งผู้ชายและผู้หญิง การทำความสะอาดเสื้อผ้าของผู้ป่วย การทำความสะอาดห้องต่างๆ และหน้าที่อื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย

ผู้ที่รับผิดชอบดูแลทรัพย์สินของกองทุนวะกอฟแห่งนี้เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายหรือจัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับการห่อศพแก่ผู้ที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล เขาเป็นผู้จัดหาทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการอาบน้ำศพและซื้อผ้าห่อศพและน้ำหอมที่ใช้สำหรับชำระล้างศพ และเป็นผู้จ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ทำความสะอาดศพ ผู้ที่ขุดหลุมและฝังศพในกุบูรของพวกเขาตามแบบฉบับของท่านรอซูลุลลอฮฺ และด้วยมารยาทที่ดี  ถ้าคนป่วยอยู่ในบ้านของเขาและเป็นคนยากจน ผู้ดูแลของทุนวะกอฟแห่งนี้อาจจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือจัดหาสิ่งที่จำเป็นให้แก่เขา เช่น ยาน้ำ ยาเม็ด ยาขี้ผึ้งหรืออื่นๆ โดยใช้งบประมาณของโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยไม่ต้องหักจากงบประมาณที่ได้จัดสรรไว้สำหรับผู้ป่วยใน  ถ้าผู้ป่วยคนนั้นเสียชีวิตในบ้านของเขาเอง ผู้ดูแลทรัพย์สินของกองทุนนี้เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับเขา ทั้งการอาบน้ำศพ ผ้าห่อศพ การนำศพไปยังกุบูรและการฝังศพตามแบบอย่างที่ดี
เมื่อผู้ป่วยในคนใดก็ตามหายเป็นปกติ ผู้ดูแลทรัพย์สินของกองทุนวะกอฟแห่งนี้จะต้องซื้อเสื้อผ้าให้เขา ๑ ชุด โดยจะต้องไม่ฟุ่มเฟือย สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นให้ขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของผู้ดูแลกองทุนตามที่เห็นว่าเหมาะสมและมีความจำเป็น ผู้ดูแลกองทุนวะกอฟแห่งนี้จะต้องระลึกถึงการยำเกรงอัลลอฮฺทั้งในที่ลับและที่เปิดเผย เขาจะต้องไม่ให้สิทธิพิเศษแก่คนที่มีสถานะสูงเหนือคนที่มีสถานะต่ำกว่า หรือแก่คนที่มีความแข็งแรงเหนือคนที่อ่อนแอ หรือแก่คนท้องถิ่นเหนือคนต่างถิ่นในทางกลับกัน เขาควรจะให้สิทธิพิเศษในการใช้จ่ายต่อสิ่งที่จะให้ผลบุญมากมายและนำเขาไปสู่การใกล้ชิดพระเจ้าแห่งสากลโลกมากยิ่งขึ้น



๔.โรงพยาบาลมัรรอกิส
ก่อตั้งโดยอมีร อัลมุอฺมินีน  อัลมันซูร อบูยูซุฟ ซึ่งเป็นกษัตริย์คนหนึ่งจากราชวงศ์อัลมุวะฮฺฮิดของโมร็อคโค ท่านเลือกพื้นที่ที่กว้างใหญ่ที่สุดของมัรรอกิสซึ่งเป็นที่ตั้งที่ดีที่สุดสำหรับโรงพยาบาลและสั่งให้สร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ให้เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่านสั่งให้ปลูกต้นไม้ สมุนไพรและพืชที่กินได้ทุกชนิดไว้ในโรงพยาบาลด้วย และสั่งให้ทำรางน้ำให้ไหลผ่านทั่วทุกตึกของโรงพยาบาลโดยใช้สระน้ำ ๔ แห่งด้วยกัน ซึ่งมีแห่งหนึ่งทำมาจากหินอ่อนสีขาว และท่านได้สั่งให้ตกแต่งโรงพยาบาลด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ทำมาจากไม้ชนิดต่างๆ  ผ้าลินิน ผ้าไหม หนังสัตว์และสิ่งอื่นๆที่เกินกว่าจะพรรณาได้(อลังการมาก) ท่านก่อตั้งหน่วยงานเพื่อผลิตยาน้ำ โลชั่นและยารักษาตาและท่านได้จัดเตรียมเครื่องนอนสำหรับผู้ป่วยทั้งแบบที่ใช้กลางวันและกลางคืนและออกแบบเฉพาะตามฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูร้อนหรือฤดูหนาว  เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น ถ้าเขาเป็นคนยากจน เขาจะได้รับเงินช่วยเหลือจนกว่าเขาจะสามารถเริ่มทำงานได้อีกครั้ง  ถ้าผู้ป่วยเป็นคนร่ำรวย ทางโรงพยาบาลก็จะคืนเงินค่ารักษาให้แก่เขา โรงพยาบาลให้บริการทั้งคนยากจนและคนร่ำรวย นอกจากนี้  คนต่างถิ่นทุกคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยในมัรรอกิสสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้จนกว่าเขาจะมีอาการดีขึ้นหรือเสียชีวิตไป ทุกวันศุกร์คอลีฟะฮฺจะมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้ป่วย และสอบถามอาการของพวกเขารวมทั้งสอบถามพวกเขาว่าบรรดาแพทย์และพยาบาลปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไรบ้าง

นี่คือเพียง ๔ ตัวอย่างจากโรงพยาบาลจำนวนมากที่มีอยู่อย่างแพร่หลายทั้งทางด้านตะวันออกและตะวันตกของอาณาจักรอิสลาม ในขณะเดียวกัน ยุโรปกำลังร่อนเร่อยู่ในยุคมืดและไม่รู้จักโรงพยาบาลของเราเลย ทั้งด้านการจัดการที่เป็นเลิศและการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนของการมีจิตสำนึกทางด้านมนุษยธรรมขั้นสูงของโรงพยาบาลต่างๆเหล่านั้น เราจะขอนำเสนอแก่ท่านต่อสิ่งที่นักบูรพาคดีชาวเยอรมัน แมกซ์ เมเยอร์ฮอฟ(Max Meyerhoff)กล่าวเกี่ยวกับสภาพของโรงพยาบาลของชาวยุโรปคริสเตียน ซึ่งอยู่ในสมัยเดียวกันกับโรงพยาบาลในอารยธรรมอิสลามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ดร.แมกซ์ กล่าวว่า

โรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขของมุสลิมในอารยธรรมอิสลามให้บทเรียนที่ขมขื่นแก่เรา

คัดลอกจาก
http://www.fityatulhaq.net/forum/index.php/topic,542.0/wap2.html
http://www.ansorimas200.blogspot.com/2013/07/blog-post_8565.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น