การอาบน้ำละหมาดกับการเผยลำแสงออร่าบนเรือนร่าง
การอาบน้ำละหมาดกับการเผยลำแสงออร่าบนเรือนร่าง
ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าว “การอาบน้ำละหมาดคืออาวุธของผู้ศรัทธา” เพราะเมื่อผู้ศรัทธามีความสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรก ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
จิตของเขาจะใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์
และห่างไกลจากมารร้ายที่จะคอยยุยงส่งเสริมให้กระทำความชั่ว
ดังนั้นการอาบน้ำละหมาดก็คืออาวุธที่ผู้อาบน้ำละหมาดจะใช้ต่อต้านมารร้าย
การอาบน้ำละหมาดคือ รัศมีที่ส่องสว่างทั้งในภพนี้และภพหน้า
ดังนั้นในภพนี้ ร่องรอยของการอาบน้ำละหมาดจะปรากฏเป็นรัศมีบนใบหน้า
ทำให้หัวใจเกิดความสงบนิ่ง และทำให้ชีวิตมีการผ่อนคลาย ส่วนในภพหน้า
ร่องรอยของการอาบน้ำละหมาดจะส่งผลให้เกิดแสงนวลและขาวผ่องบนใบหน้าและอวัยวะที่สัมผัสกับน้ำละหมาด
ซึ่งการมีแสงนวลผ่องนั้น เป็นสัญลักษณ์หนึ่งในปรโลกที่ทำให้รู้ว่าเขาคือผู้ศรัทธา
จากการทดสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้ว
เพื่อวัดเส้นทางการเดินของพลังงานที่แตกต่างกันบนเรือนร่างของมนุษย์ทั้งก่อนและหลังจากอาบน้ำละหมาด
ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า
พลังงานที่มีก่อนอาบน้ำละหมาดจะมีความแตกต่างกันกับพลังงานที่เกิดขึ้นหลังอาบน้ำละหมาด
หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทดสอบความสมดุลของพลังงานการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะบนร่างกายต่อบุคคลจำนวนมากทั้งก่อนและหลังอาบน้ำละหมาด
จึงพบว่าผลที่ออกมานั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบอาบน้ำละหมาด
จึงพบว่าความสมดุลของแต่ละคนมีความใกล้เคียงกัน
นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันยืนยันว่าการที่โปตอนได้ตกลงบนละอองน้ำจะทำให้เกิดไอออนประจุลบ
(ไอออนคือ อะตอมที่มีประจุบวกและลบโดยขึ้นอยู่กับการได้หรือสูญเสียของอิเล็กตรอน)
จากละอองน้ำที่กระจายอยู่ในอากาศ และประจุลบก็คือประจุแม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้จิตใจและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย และเป็นการขจัดความวิตกกังวล
ความตรึงเครียด และความโกรธลงได้
จากการศึกษาพบว่า การอาบน้ำด้วยฟักบัวในที่ที่มีแสงผ่าน
จะเป็นการขจัดความตรึงเครียดและความโกรธของมนุษย์ได้
และนักวิทยาศาสตร์ยังกล่าวอีกว่า น้ำนั้นมีพลังมหัศจรรย์อันมหาศาลอยู่
ซึ่งจะเป็นตัวสร้างความกระฉับกระเฉงให้กับร่างกายและระบบไหลเวียนของโลหิต
ดังนั้นการอาบน้ำละหมาดก็คือการขจัดความตรึงเครียดและความโกรธก่อนที่จะเข้าสู่การละหมาด
ดังที่ได้มีบันทึกจากอีหม่ามอะห์หมัดว่า
“แท้จริงได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาหาท่านอุรวะฮฺ บุตร
ท่านมูฮัมหมัด
แล้วเขาก็กล่าวกับท่านอุรวะฮฺด้วยถ้อยคำที่ทำให้เขา(ท่านอุรวะฮฺ)โกรธ แล้วเขา(ท่านอุรวะฮฺ)ก็ยืนขึ้น
แล้วก็ไปอาบน้ำละหมาด ดังนั้นเมื่อเขาได้ถูกถามจากเรื่องดังกล่าว(การอาบน้ำละหมาด)
เขาจึงกล่าวว่า บิดาของฉันได้เล่ามาจากปูของฉันให้ฉันฟังว่า
แท้จริงท่านศาสนทูต(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า “แท้จริงความโกรธนั้นมาจากชัยฏอน
และชัยฏอนนั้นถูกสร้างมาจากไฟ และแน่นอนไฟจะถูกดับด้วยกับน้ำ
ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกท่านโกรธ ก็จงไปอาบน้ำละหมาด (วูดุอ์) เถิด”
(บันทึกโดย อะห์หมัด)
การอาบน้ำละหมาดนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งจากการรักษาที่เร้นลับต่ออวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย
แน่นอนน้ำละหมาดจะทำให้สมดุลของพลังงานที่ดำเนินอยู่ในรูขุมขนของร่างกายมนุษย์กลับคืนมา
และเช่นเดียวกัน
น้ำละหมาดจะมาปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่บกพร่องไปจากการกระทำความผิดต่างๆ
เพราะความผิดและบาปกรรมที่กระทำไปนั้น ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและร่างกาย
ดังนั้นน้ำละหมาดจะทำการรักษาข้อบกพร่องและขจัดบาปต่างๆออกไปพร้อมกับน้ำละหมาด
ดังที่มีวจนะของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ว่า
“ไม่มีคนใดจากพวกท่านที่จะเข้าใกล้การอาบน้ำละหมาดของเขา
แล้วทำการบ้วนปาก สูดน้ำเข้าจมูก และสั่งออกมา
นอกเสียจากบาปต่างๆที่ใบหน้าของเขาได้หลุดออกไปจากปลายเคราของเขาไปพร้อมกับน้ำ
หลังจากนั้นเขาจะล้างมือจนถึงสองข้อศอก
บาปต่างๆที่มือของเขาได้หลุดออกไปจากปลายนิ้วไปพร้อมกับน้ำ
หลังจากนั้นเขาจะล้างเท้าทั้งสองจนถึงสองตาตุ่ม
บาปต่างๆที่สองเท้าได้หลุดออกไปจากปลายนิ้วไปพร้อมกับน้ำ
ดังนั้นเมื่อเขายืนขึ้นเพื่อทำละหมาด กล่าวสรรเสริญ สดุดี
และให้เกียรติแก่อัลลอฮ์พร้อมกับบุคคลในครอบครัวของเขา และทำให้หัวใจไปสุดสิ้น ณ
อัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะทรงลบล้างบาปต่างๆของเขา
ดังลักษณะของวันที่มารดาของเขาได้ให้กำเนิดเขา” (บันทึกโดย
มุสลิม)
แท้จริงบาปต่างๆเหล่านี้
ก่อให้เกิดผลที่เกี่ยวพันกับเส้นทางของพลังงานหรือวงล้อมชีวะที่ห้อมล้อมร่างกายมนุษย์อยู่
โดยร่างกายของมนุษย์จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เพราะอณูต่างที่เป็นส่วนประกอบของร่างกายไม่ใช่อื่นใด
นอกจากเป็นพลังงานอิเล็กทรอเคมีและพลังงานอิเล็กทรอเม็กนาติส
ความหมายของคำว่า “พลังงาน”
ในที่นี้ หมายถึง พลังงานทางชีวภาพที่กระจายและแพร่ออกมาจากร่างกายคนเรา
ซึ่งถูกเรียกว่า Prana หรือ Vital Force ซึ่งสามารถสัมผัสได้
วิทยาการสมัยใหม่ได้ค้นพบเครื่องมือ Bioresonance ที่สามารถวัดปริมาณพลังที่อยู่ในตัวมนุษย์และสิ่งมีชีวิตได้
เช่นเดียวกันกับกล้อง Kirlian photography ที่สามารถถ่ายวงล้อมพลังแม่เหล็กที่อยู่รอบทุกสิ่งที่มีชีวิต
และได้มีการยืนยันจากการแพทย์ว่า ในตลอดทั้งวัน
มนุษย์เราจะสัมผัสกับเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เกาะติดอยู่ตามผิวหนัง มือ เท้า
ใบหน้า และส่วนต่างๆของร่างกายเป็นล้านๆตัว และเมื่อไม่มีการขจัดออกไป
พวกมันจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมันอาจจะนำไปสู่โรคภัยต่างๆ
ดังนั้นการชำระล้างด้วยการอาบน้ำละหมาดในอวัยวะแต่ละส่วน ๓ ครั้ง
จะช่วยขจัดแบคทีเรียได้ถึง ๙๕ เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นการอาบน้ำละหมาดในแต่ละวันหลายๆครั้ง จึงเป็นสิ่งที่ดียิ่ง
มีการยืนยันว่า จักรวาลนี้ประมวลไปด้วยองค์ประกอบบวกและลบ
ซึ่งก่อให้เกิดวงล้อมพลังแม่เหล็กรอบตัวมนุษย์ ซึ่งถูกเรียกว่า Aura มีผลทั้งภายนอกและภายในร่างกายมนุษย์ในทุกระดับของวิญญาณ
สติปัญญา จิตใจ และร่างกาย เพราะเหตุดังกล่าวนี้
การรักษาด้วยการแพทย์ทั่วไปนั้นจะรักษาได้เพียงร่างกายเท่านั้น แต่จะไม่คลุมถึงทุกระดับของร่างกายมนุษย์
คัดลอกจากหนังสือ "ปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม"
ที่มา http://www.ansorimas200.blogspot.com/2013/07/blog-post_14.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น