สัญชาติญาณเป็นสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงสร้างให้กับมนุษย์โดยติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด
สัญชาติญาณเป็นสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงสร้างให้กับมนุษย์โดยติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด
ท่านศาสดามูฮัมหมัดกล่าวว่า “ไม่มีผู้ที่เกิดมาคนใด
นอกจากเขาจะเกิดมาตามธรรมชาติ แล้วบิดามารดาของเขาจะทำให้เขาเป็นยิว เป็นคริสเตียน
และเป็นพวกบูชาไฟ...” (บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
“ดังนั้นเจ้า (มูฮัมหมัด)
จงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงแท้โดยเป็นธรรมชาติของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาบนมัน
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการสร้างของอัลลอฮ์ นั่นคือศาสนาอันเที่ยงตรง
แต่มนุษย์ส่วนมากหารู้ไม่” (อัรรูม : 30)
การศรัทธาและเคารพสักการะต่อพระเจ้าเป็นสัญชาติญาณดั้งเดิมของมนุษย์ทุกคน
เนื่องจากในขณะที่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ถูกบังเกิดขึ้นในโลกแห่งวิญญาณก่อนที่จะถูกบังเกิดมาบนโลกใบนี้นั้น
อัลลอฮ์ทรงตอกย้ำการเป็นพระเจ้าของพระองค์ต่อวิญญาณเหล่านั้น พร้อมกันนั้นเหล่าดวงวิญญาณต่างก็ยืนยันการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮ์ไว้อย่างหนักแน่น
“และ (จงรำลึกเถิด)
ขณะที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้เอาเชื้อสายมนุษย์มาจากสันหลังของพวกเขา
และพระองค์ทรงให้พวกเขายืนยันต่อตัวของพวกเขาว่า “ข้ามิใช่พระเจ้าของพวกเจ้าดอกหรือ
?” พวกเขาก็ตอบว่า “ใช่แล้ว” พวกเราขอเป็นพยาน (ยืนยันว่าพระองค์คือพระเจ้าของพวกเราโดยแท้จริง) เพื่อ
(ป้องกันมิให้) พวกเจ้ากล่าว (แก้ตัว) ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพว่า
แท้จริงพวกเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้” (อัลอะร๊อฟ : 172)
เมื่อดวงวิญญาณถูกส่งมาบังเกิดเป็นมนุษย์
พวกเขาจึงเรียกร้องและดิ้นรนเพื่อแสวงหาพระเจ้าของพวกเขา
ดั่งเคยมีมาแต่ก่อนกำเนิดในขณะที่เป็นวิญญาณ
ซึ่งแน่นอนว่าความดิ้นรนดังกล่าวนี้เป็นไปตามธรรมชาติของสัญชาติญาณเดิม
“และเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า
จงปฏิบัติตามคำบัญชาที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานมา พวกเขาตอบว่า เราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราพบว่าบรรพบุรุษของเราได้ปฏิบัติ
ทั้ง ๆ
ที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้ใช้สติปัญญาและไม่ได้อยู่ในทางนำที่ถูกต้องกระนั้นหรือ”
(อัลบากอเราะห์ : 170)
แต่เมื่อมนุษย์อยู่ในโลกวัตถุ
แวดล้อมด้วยวัตถุและสังคมของผู้ให้กำเนิด (พ่อแม่) ที่มีความเชื่อและความงมงายที่ยึดถือกันมาจากบรรพบุรุษ
จนทำให้จิตวนเวียนอยู่ในความเชื่อดังกล่าว
ดังนั้นเมื่อมนุษย์ปักใจเชื่อและศรัทธาในสิ่งดังกล่าว
พวกเขาจะยึดสิ่งเหล่านั้นเป็นพระเจ้า
เป็นผู้ในความคุ้มครองและกราบไหว้สิ่งเหล่านั้นอย่างขาดสติ
ความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงได้กลบสัญญาณดั้งเดิมอันเป็นสัญชาติญาณบริสุทธิ์ที่ยึดอัลลอฮ์เป็นพระเจ้า
ซึ่งเป็นลักษณะปฏิเสธการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮ์โดยปริยาย
ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า “เมื่อเด็กเกิดมานั้น จะมีจิตที่บริสุทธิ์
แต่พ่อแม่ของเขาทำให้เขาเป็นคริสเตียน เป็นยิว เป็นพวกบูชาไฟ”
นี่แหละเป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้อย่างดี
เมื่อมนุษย์เกิดมานั้นมีจิตที่บริสุทธิ์
คือยึดมั่นต่ออัลลอฮ์และมีจิตซาบซึ้งต่ออัลลอฮ์ แต่เมื่อถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้
โสตประสาททุกส่วนของมนุษย์ก็เริ่มรับเอาโลกและความเชื่อของชัยฏอนมารร้ายมาไว้ในจิต
จนทำให้หัวใจของพวกเขาบอดจากสัจธรรมที่ว่า “อัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้นคือพระเจ้าที่แท้จริง”
อัลลอฮ์ทรงตรัสในฮาดิษกุดซีย์ต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด
(ศ็อลฯ) ว่า
“ (โอ้มูฮัมหมัดเอ๋ย)
เจ้าจงทำหัวใจของเจ้าให้ว่าง เพราะแท้จริง หัวใจของเจ้านั้นเป็นบ้านของข้า
(การรำลึกถึงอัลลอฮ์จะเข้ามาแทนที่)”
หากหัวใจเต็มไปด้วยเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับโลกนี้
การรำลึกถึงอัลลอฮ์ในจิตใจก็จะหายไป
แน่นอนอัลลอฮ์ทรงใช้ให้บ่าวของพระองค์มอบหมายการงานต่างๆแด่พระองค์
เพื่อให้จิตหลุดพ้นจากความวิตกกังวลต่างๆ และเมื่อบ่าวของพระองค์อยู่กับพระองค์
พระองค์ก็จะทรงอยู่กับบ่าวผู้นั้น ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
“ดังนั้นพวกเจ้าจงรำลึกถึงข้าเถิด
ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า และจงขอบคุณข้าเถิด และจงอย่าเนรคุณต่อข้าเลย” (อัลบะกอเราะห์ : 152)
คัดลอกจากหนังสือ "อิสลามทำไม?"
ที่มา http://www.ansorimas200.blogspot.com/2013/07/blog-post_90.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น